ผ่านเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เขย่าความเชื่อมั่นเพียงชั่วครู่ “แสนสิริ” และภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยกลับยืนหยัดได้ด้วยรากฐานที่แข็งแกร่ง และพลังความร่วมมือที่ลึกซึ้งกว่าที่เคยเป็นมาเพียง 60 วันหลังเหตุการณ์ “Sansiri Insight Talk: Beyond the Blueprints” ถูกจัดขึ้นเพื่อเปิดเวทีระดมความรู้ แลกเปลี่ยนมุมมองจากผู้เชี่ยวชาญในหลายมิติ ตั้งแต่วิศวกรรมโครงสร้าง การบริหารจัดการ ไปจนถึงการประกันภัย ตอกย้ำความพร้อมของภาคอสังหาฯ ในการรับมือภัยธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ
แสนสิริ จับมือเครือข่ายพันธมิตร ผู้เชี่ยวชาญทุกแขนง พลิกวิกฤตเป็นโอกาส ปรับมาตรฐานความปลอดภัยและความเชื่อมั่น หลังเหตุแผ่นดินไหว
- อาคารสูงในกรุงเทพฯ ยังมั่นคงปลอดภัย
ศ.ดร.เป็นหนึ่ง วานิชชัย จาก AIT ชี้ว่ากฎกระทรวงปี 2564 และมาตรฐาน มยผ. ฉบับล่าสุด ทำให้อาคารใหม่ในไทยแข็งแรงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมแนะภาคธุรกิจเดินหน้ารับเทคโนโลยีใหม่ เช่น Viscous Dampers ที่ช่วยดูดซับแรงสั่น พร้อมพัฒนาคู่มือเตรียมรับภัยพิบัติที่มีประสิทธิภาพกว่าเดิม ความร่วมมือคือหัวใจของการ “สอบผ่าน”
ตั้งแต่ผู้รับเหมา ทีมวิศวกร ที่ปรึกษา ไปจนถึงบริษัทประกันภัย ทุกภาคส่วนร่วมปฏิบัติการฉับไว เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของลูกบ้าน พร้อมจัดตั้ง War Room ระงับงานขายชั่วคราว ทุ่มทรัพยากรทั้งหมดตรวจสอบทุกระบบอาคารAfter-Sale Services และเทคโนโลยีคืออนาคตของแบรนด์แข็งแรง
อุทัย อุทัยแสงสุข กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า วันนี้ เราพิสูจน์ได้ว่าภาคอสังหาฯ ของเราแข็งแกร่ง และสอบผ่านเหตุการณ์แผ่นดินไหว สำหรับด้วยประสบการณ์กว่า 40 ปี ในการพัฒนาธุรกิจคอนโดมิเนียม ผ่านการสร้างโครงการแนวสูง 225 โครงการ รวมกว่า 90,000 ยูนิต
เราเล็งเห็นโอกาสนี้ ที่จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการยกระดับมาตรฐานทั้งอุตสาหกรรม เมื่อเราพิสูจน์ว่าการอยู่อาศัยในโครงการแนวสูงมีความมั่นคงปลอดภัยจริง และสิ่งที่ทำให้ฝ่าฟันวิกฤติครั้งนี้ได้คือ เครือข่ายพาร์ตเนอร์ที่แข็งแกร่ง ประกอบด้วย พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้ดูแลงานนิติบุคคลระดับมืออาชีพ, ผู้รับเหมารายใหญ่ ที่เร่งรีบเข้ามาสนับสนุนงานตั้งแต่วันแรก, ที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ให้คำแนะนำเชิงเทคนิคและร่วมลงพื้นที่, ทีมลิฟต์ หัวใจสำคัญของการขนส่งในตึกสูงที่ทำงานหนักที่สุดทีมหนึ่ง และบริษัทประกัน ที่ยืนเคียงข้างลูกบ้านอย่างมั่นคง
มองไปข้างหน้าเพื่อหาแนวทางในการพัฒนาการทำงานให้แข็งแกร่งขึ้น อาทิ การนำข้อมูลจากเหตุการณ์จริงมารีวิวและปรับปรุงคู่มือมาตรฐานการก่อสร้าง การเตรียมพร้อมและซ้อมแผนฉุกเฉินอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงระบบเตือนภัยและการตรวจสอบที่ช่วยป้องกันปัญหาก่อนเกิดขึ้น เป็นการรวมพลังทั้งวงการเพื่อเป้าหมายเดียว คือ ที่พักอาศัยที่แข็งแรง ปลอดภัย
“เราไม่ได้แค่รอดพ้น แต่ต้องทำให้วงการนี้แข็งแกร่งกว่าเดิมด้วยการจัดงานแสนสิริอินไซต์ทอล์ค “BEYOND THE BLUEPRINTS” 60 วัน หลังแผ่นดินไหว ก้าวต่อด้วยพลังความร่วมมือ จะเป็นการจุดประกายความร่วมมือของคนในวงการอสังหาฯ เพื่อร่วมขับเคลื่อนภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยให้แข็งแกร่งและเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยหัวใจการทำงาน 3 ด้าน คือ Quality คุณภาพที่เหนือมาตรฐาน, Service บริการต่อเนื่อง และ Well-beingส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดี มุ่งสู่การดูแลลูกบ้านอย่างไม่มีวันสิ้นสุด”อุทัย กล่าวย้ำ
องอาจ สุวรรณกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม เปิดเผยว่า เราไม่มีเวลาแม้แต่จะตั้งรับ สิ่งที่ทำได้คือบริหารจัดการความโกลาหลที่เกิดขึ้น โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือความปลอดภัยและความสบายใจในการพักอาศัยของลูกบ้าน
เราเร่งจัดตั้ง War Room ระดมกำลังทุกหน่วยงาน พร้อมหยุดงานขายชั่วคราวเพื่อทุ่มเททรัพยากรทั้งหมด ประสานงานกับพาร์ตเนอร์ผู้เชี่ยวชาญ จัดทำคู่มือ Key Check List ให้วิศวกรลงพื้นที่ทันทีเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้าง สถาปัตย์ ลิฟต์ ระบบไฟฟ้า ประปาไปจนถึงระบบป้องกันอัคคีภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของระบบลิฟต์เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัย
ผลการตรวจสอบที่ครอบคลุมทุกโครงการของ ทั้งที่อยู่ระหว่างการขาย การก่อสร้าง และโครงการแนวราบ รวมถึงพื้นที่ส่วนกลาง บ้านตัวอย่าง และบ้านที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ยืนยันว่าโครงสร้างอาคารปลอดภัย 100% นอกจากนี้ สิ่งที่เราเร่งดำเนินการคือการอำนวยความสะดวกในการเคลมประกันภัยให้กับลูกบ้าน ซึ่งเป็นกระบวนการที่ลูกค้าอาจไม่คุ้นเคย ทีมงานของเราได้เข้าไปช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด ทั้งการถ่ายภาพและเก็บข้อมูล เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด
ไม่ได้มองว่าอะไรทำได้ดีที่สุดในสถานการณ์นั้น แต่เราทุ่มเททรัพยากรที่มีทั้งหมดเพื่อดูแลลูกบ้านอย่างเต็มที่ และจากบทเรียนครั้งนี้ เราจะนำข้อมูลจาก LIV-24 ซึ่งเป็นศูนย์ดูแลความปลอดภัยแบบเรียลไทม์ 24 ชม. มาศึกษาและใช้ประโยชน์สูงสุดในการรับมือวิกฤตในอนาคต”
รวมถึงการนำเคสความเสียหายต่าง ๆ มาวางแผนใหม่ เช่น การทำฝ้าและผนังให้มีความยืดหยุ่นในการรับมือแผ่นดินไหวมากขึ้น ตลอดจนนำนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาช่วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาแนวทางปฏิบัติการออกแบบโครงสร้างในอาคารสูงที่เราได้ศึกษามาตั้งแต่ปี 2560 จะถูกรีวิวและปรับปรุงใหม่ร่วมกับสถาบันการศึกษาและพาร์ตเนอร์ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป และนำมาตรฐานระดับสากลมาอ้างอิงเพิ่มเติม เพื่อสร้างความมั่นใจสูงสุดให้กับลูกบ้านในทุกสถานการณ์ lucy-liu